Tag Archives: ทัวร์เหมา

Heidelberg

Heidelberg เมืองที่มีปราสาทแสนสวยบนเนินเขา เมืองมรดกโลก UNESCO ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนคคาร์ (Neckar River) ก่อตั้ง ปี ค.ศ.1050 ยุคจักรวรรดิโรมัน เรืองอำนาจ มีร่องรอยของอาคาร ทางเดิน แบบชาวโรมันให้เห็น เวลาต่อมาก็เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้า การอุตสาหกรรม ของประเทศเยอรมนี และเคยมีกษัตริย์ปกครอง เมื่อถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2, ช่วงทศวรรษที่ 1930 ผู้นำนาซี ใช้เมืองนี้ เป็นที่ตั้งเป็นที่บัญชาการทางทหาร หน่วยระดมพลทหารเรือนแสน ยุคนี้เอง จากเมืองเทพนิยายได้กลายเป็นเมืองแห่งสงคราม ซึ่งถูกบอมบ์อย่างหนัก, ปัจจุบันที่ทำการรัฐสภาที่ฮิตเลอร์เคยยกมือขวาขึ้นสาบานตนต่อเหล่าทหาร กลายเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม เป็นศูนย์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ที่เมืองนี้คุณจะสามารถสัมผัสถึงความมั่งคั่งทางศิลปะ และวัฒนธรรม

  • Church of the Holy Spirit  โบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในไฮเดลเบิร์ก
  • Hauptmarkt ตลาดท้องถิ่น และตลาดสำหรับนักท่องเที่ยว
  • Kaiserburg Castle ปราสาทในเทพนิยาย ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1300 ขึ้นไปบนเขามองเห็นวิว 180 องศา วิวสวยงามทีเดียว

113IMG_0042IMG_0032

Pisa, Italy

ปิซา (Pisa) เมืองปิซ่า อยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นโทสคานา ประเทศอิตาลี อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร  การเดินเท้าชมเมืองปิซ่าสร้างความเพลิดเพลินไม่น้อยกับบรรยากาศสบายๆเนื่องจากเมืองปิซ่านั้นเป้นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงมาก
สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ
จตุรัสดูโอโม แห่งปิซา  กัมโป เดย์ มีราโกลี (Campo dei Miracoli) “กัมโป เดย์ มีราโกลี” ซึ่งมีความหามายว่า ” จัตุรัสอัศจรรย์ ” ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกปี ค.ศ 1987ในชื่อ จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา คือบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพง ใจกลางเมืองปิซา
  • มหาวิหารปิซา (Duomo)  หอเอน (Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa)
    เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศโดยยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
  • หอศีลจุ่ม (Baptistery) หรือเรียกอีกอย่างว่า หอล้างบาป เป็นคริสต์ศาสนสถาน ที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างศีลจุ่มเป็นศูนย์กลาง หอศีลจุ่มอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของวัดหรือมหาวิหารซึ่งมีแท่นบูชา และคูหาสวดมนต์ของตนเอง ในวัดสมัยคริสเตียนยุคแรก หอศีลจุ่มจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนาก่อนจะรับศีลจุ่ม และเป็นที่ทำพิธีรับศีลจุ่ม
  •  สุสานนักบุญ (Campo Santo)
  • Giardino Scotto
  • Botanical Garden จะได้พบกับต้นไม้หลายหลากพันธ์ สวยงามนับว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนที่นี่ อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยของที่นี่
  • พิพิธภัณฑ์มหาวิหารปิซา (Museo del Opera del Duomo)

Berlin

เบอลิน /Berlin  เมืองหลวงของเยอรมัน เมืองเก่าในความใหม่ ใหม่ในความเก่า..  เบอลิน แม้จะเป็นเมืองเก่าแต่ผลของสงครามโลกครั้งที่สอง ถูกทำลายไปมากเหลือเกินแม้การซ่อมแซมจะทำขึ้นมาให้เหมือนเดิมก็ตาม ก็ยังรู้สึกว่าเป็นของทำขึ้นใหม่ ในขณะเดียวกัน เบอร์ลินกลับเป็นเมืองที่มีความทันสมัยสุดๆ เป็นแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งศึกษา แหล่งวัฒนธรรม .. ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนเยอรมันถึงได้หวงแหนเสรีภาพ และคลั่งการเฉลิมฉลองนักหนา ความน่าสนใจ ความยากลำบากกว่าจะได้มาซึ่งเสรี ความอัปยศของประวัติศาสตร์ ความปวดร้าวจากผลของสงคราม จุดน่าสนใจในเบอลิน

  • กำแพงเบอลิน  13 สค. 1961 วันเริ่มสร้างกำแพงกั้นแยกระหว่างเยอรมันตะวันออก และตะวันตกออกจากกัน กำแพงมีความยาวกว่า 111 กม.  สูง 4 เมตร จุดเริ่มของเรื่องเศร้า, เรื่องเล่ามากมาย กำแพงถูกทำลายลงเมื่อ 9 พย. 1989 เหลือเพียงบางส่วนเอาไว้ และถ่ายทอดเป็นภาพวาดจากศิลปินกว่าร้อยท่าน บอกเล่าเรื่องราวมากมาย ได้รับการยกย่องว่าเป็นเป็นภาพเขียนศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก
  • Checkpoint Charlieจุดเผชิญหน้า เขตพรมแดนเขตการปกครองระหว่าง อเมริกัน และรัสเซีย มีการตรวจเอกสารการผ่านเข้า-ออก
  • Alexanderplatz คุณจะเห็นความเป็นเบอร์ลินได้ชัดเจน ในเขตเมืองเก่าที่ถูกทำลายไปมากมายได้ถูกขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงให้เหมือนเดิม  นอกนั้นแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าทันสมัยมาก Fernsehturm หอคอยสูงสุด
  • Nikolaiviertel เต็มไปด้วยร้านอาหารให้เขาไปนั่ง ร้านค้าน่ารักมากมาย บริเวณนี้มีโบสถ์เก่าแก่ Nikolaikirche  แต่ถูกทำลายไปกับสงคราม และเพิ่งซ่อมแซมเสร็จ และเปิดให้เยี่ยมชม ในปี 2010 นี่เอง
  • Berliner Rathaus – Rotes Rathaus
  • มหาวิหารเบอร์ลิน /Berliner Dom มหาวิหารโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี สร้างในระหว่างปี 1894-1905 ในรูปแบบสไตล์อิตาเลียนเรอเนสซองส์ ความวิจิตรสวยงามที่เห็นเป็นของใหม่ทำขึ้นให้เหมือนเดิม เพราะของเดิมถูกทำลายไปหมดพร้อมสงครามด้านหน้าวิหารเป็นมุมที่ผู้คนคนไม่เคยบางตาเลย แค่เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจะมานอนเอกเขนก สนามหญ้าของสวนลุสท์ (Lustgarten)  ให้แสงแดดเลียผิวกันอย่างมีความสุข.
  • Denkmal für die ermordeten Juden Europas อนุเสาวรีย์รำลึกถึงชาวยิว 6 ล้านคนที่ถูกฆ่าในยุคนาซี ร่องรอยความปวดร้าวในประวัติศาสตร์ โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าเป็นการผสมผสานกันได้ดีมาก เป็นการออกแบบที่ดูทันสมัย ในขณะเดียวกัน รู้สึกได้ถึงความเศร้า ลึกลับ มืดดำ น่าอับอายและสยดสยอง.
  • Kaiser-Wilhelm-Gedächtniskirche ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยปี ค.ศ. 1891-1895 เพื่อเป็นการระลึกถึงกษัตริย์คนแรกของเยอรมัน ข้างในสวยงามทีเดียว น่าเสียดายมาก ปี1943 สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกระเบิดทำลาย และอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ซึ่งเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากขาดงบประมาณ.
  • Brandenburger Tor สัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน ด้านบนสุดมีรูปปั้นเทพธิดาแห่งชัยชนะนั่งอยู่บนที่ประทับมีรถม้าลาก 4ตัว เด่นตระหง่าน เรียกว่า “die Quadriga”  ซึ่งครั้งหนึ่งถูกนโปเลียนยึดไปไว้ที่ปารีสในฐานะที่เป็นของที่ยึดได้จากสงคราม 8ปีต่อมา เยอรมันชนะสงครามอีกครั้ง และนำกลับมาไว้ที่เดิม จะเห็นว่านักท่องเที่ยวทุกคนจะมาถ่ายรูปประตู พากลับบ้านไปด้วยกันถ้วนหน้า.
  • Reichstag อาคารรัฐสภา อาคารที่มีโดมแก้วอยู่ข้างบน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเลย อีกมุมของเบอร์ลินที่เนื้อหอมสุดๆ ผู้คนมากมายแห่แหนกันไปชม.
  • Hackesche Höfe อีกที่หนึ่งที่คุณจะเพลิดเพลินกันสถาปัตยกรรม การออกแบบที่สวยงาม ร้านค้าให้ช้อปปิ้งมากมาย.
  • Kurfürstendamm ถนนช้อปปิ้งสายหลัก เต็มไปด้วยสีสัน แฟชั่น สินค้าชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก.
  • Siegessäule
  • Sony Center ศูนย์กลางธุรกิจ ตึกสมัยใหม่ ความทันสมัยทางเทคโนโลยี.
  • พิพิธภัณฑ์ /Museumsinsel ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ 5 แห่ง Altes Museum, Neues Museum, Pergamonmuseums, Alte Nationalgalerie, Bode Museum. ไม่ควรพลาด Pergamonmuseums ณ. ที่แห่งนี้เก็บรักษาแท่นบูชาเทพเจ้าซุส หรือ เซอุส ซึ่งได้รับ การยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ผู้ที่หลงไหลศิลปะทั้งเก่าและใหม่ หาความสุนทรีย์ได้จากที่นี่เกินพอล่ะ.

Belvedere Palace

พระราชวังเบลเวเดียร์ ( Belvedere Palace) พระราชวังที่ตั้งอยู่บนลาดเชิงเขา สร้างขึ้นตามศิลปะบาร็อกในปี ค.ศ. 1715-1723  เพื่อใช้เป็นที่พระราชวังฤดูร้อนของเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอย (Prince Eugene of Savoy) ผู้นำกองทัพแห่งราชวงศ์แฮบส์บวร์ก ที่ทำสงครามจนได้รับชัยชนะพวกเติร์กที่เข้ามารุกราน  พระราชวังถูกออกแบบให้สร้างเป็นสองส่วน โดยมีสวนขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างสองอาคาร
– Lower Belvedere หรือ ปราสาทเบลเวเดียร์ล่าง ส่วนนี้เคยเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของเจ้าชายยูจีน ปัจจุบัน เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะออสเตรีย ตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคปัจจุบัน  ค่าเข้าชม ส่วนนี้ 8 ยูโร.
– Upper Belvedere หรือปราสาทเบลเวเดียร์บน ส่วนนี้ทั้งหรูหราสง่างามกว่า ใช้เป็นที่รับรองแขกจัดงานเลี้ยงรื่นเริงสังสรรค์ รอบๆ อาคารประดับด้วยรูปปั้นสฟิงค์ ซึ่งถือได้ว่าแปลกไปกว่าที่อื่นๆ  จากส่วนนี้มองไปด้านล่างจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามทีเดียว ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาพเขียน ออสเตรียนแกลเลอรี (Österreichische Galerie หรือ Austrian Gallery)  ซึ่งถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพเขียนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  จัดแสดงผลงานภาพเขียนของศิลปินดังๆ หลายท่านรวมทั้งศิลปินชาวออสเตรียน กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) ภาพเขียนที่โด่งดังที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นภาพวาดแบบอาร์ตนูโวที่ชื่อว่า The Kiss ว่าักันว่าถ้ามาพระราชวังแห่งนี้แล้ว ไม่ได้เข้าชมภาพ “The Kiss”  ถือว่ามาไม่ถึง  ค่าเข้าชมส่วนนี้ 8 ยูโร
การซื้อบัตรเข้าชม ควรเลือกแบบเบ็ดเสร็จคุ้มกว่าสามารถเข้าชมได้ทั้ง 2ส่วน

Belvedere